ท่านวัลลภผู้บริหารซีพีผู้ยืนหยัดงานพัฒนาสังคมและงานการกุศลที่มุ่งมั่น

ย้อนไปเมื่อ 25ปีที่แล้ว ท่านวัลลภ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส เครือซีพี เคยให้สัมภาษณ์วารสารบัวบานฉบับเดือนพฤษภาคม 2539ด้วยความมุ่งมั่นว่า “ชีวิตวันนี้ ผมว่าเป็นชีวิตใหม่ ผมตั้งใจจะทำกิจกรรมหรือสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆเพื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุดทั้งส่วนตัวและในฐานะเป็นผู้แทนของเครือฯ”

จนถึงวันนี้ปีที่เครือซีพี 100ปี ท่านวัลลภยังคงยืนหยัดการทำงานพัฒนาสังคมและงานการกุศลที่มุ่งมั่น เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชาวซีพี

ท่านวัลลภเป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องตระกูล “เตี่ย” ที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญคนหนึ่งในการดูแลกิจการ”เจียไต๋จึง”ในยุคแรก หลังจาก 2ผู้ก่อตั้ง “ท่านเจี่ยเอ็กชอ” และ “ท่านเจี่ยเซี่ยวฮุย” เริ่มส่งไม้ต่อให้ลูกหลานเข้ามาบริหารงาน ท่านเป็นลูกชายคนที่2 ของท่านเจี่ยเซี่ยวฮุย เกิดเมื่อปี2482 แถววัดสัมพันธวงศ์

เริ่มจากงานแบกหาม
หลังจบการศึกษาจากด้านบริหารธุรกิจจากประเทศออสเตรเลีย ท่านวัลลภก็ได้กลับมาช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัว แม้จะเป็นบุตรชายของท่านชนม์เจริญ เจียรวนนท์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของ ท่านเจี่ย เอ็กชอ ผู้ก่อตั้งบริษัทเจียไต๋ ท่านวัลลภ เริ่มงานที่เจียไต๋ในฐานะที่ต่างจากคนงานทั่วๆไป โดยทำทุกอย่างตั้งแต่แบกหาม ขับรถขนของ และเป็นเซลส์ที่ออกเดินสายขายเมล็ดพันธุ์ด้วยตัวเอง ด้วยความมานะ อดทน ทำให้ได้รับความไว้วางใจให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหลงจู๊ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานหลักๆในบริษัทในเวลาต่อมา

“คือสมัยนั้นคนที่จบจากเมืองนอกยังมีไม่มากเท่าไร คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ยังน้อยอยู่ คุณพ่อก็เลยอยากให้เข้ามาช่วยงานที่บริษัท สมัยนั้นบริษัทที่ขายเมล็ดพันธุ์พืชก็มีเยอะนะแต่เจียไต๋เป็นเจ้าใหญ่สุด แต่เรามีคนงานแค่ 10 กว่าคนเท่านั้นเอง เป็นห้องแค่2 คูหา อยู่แถวถนนวงศ์สวัสดิ์ ย่านสัมพันธวงศ์ ห้องหนึ่งเป็นร้านค้า อีกห้องหนึ่งเป็นโกดังเก็บเมล็ดพันธุ์ ส่วนชั้น 2 ก็เป็นที่อยู่ของครอบครัวผม และหลงจู๊ และชั้น 3 ก็เป็นครอบครัวของคุณลุง(ท่านเจี่ยเอ๊กซอ) พี่ธนินท์ กับพี่จรัญก็อยู่ชั้น 3 “ท่านวัลลภบอก

“คือถึงจะมีคนงานแต่ทุกคนในบ้านก็ต้องช่วยกันทำงานด้วย ตกเย็นหลังจากเลิกงานหรือเลิกเรียนทุกคนก็จะมีงานทำกันหมด สมัยก่อนกระป๋องใส่เมล็ดพันธุ์นี่เราต้องมาปิดฉลากเอาเอง ส่วนซองใส่เมล็ดพันธุ์เขาก็พิมพ์มาเป็นแผ่นใหญ่แล้วเรามาตัดเป็นซองๆอีกที พวกลูกๆหลานๆ ก็จะมาช่วยกันตัดแล้วก็พับเป็นซอง นอกจากขายเมล็ดพันธุ์แล้วที่ร้านยังขายซิกการ์ ขายแป้งผัดหน้าเป็นเม็ดๆ แป้งนี่เราซื้อมาเป็นกระสอบแล้วมาบรรจุกระป๋องเอง ก็ต้องเอาแป้งเทลงบนผ้าเป็นกองๆแล้วตวงใส่กระป๋อง ติดฉลาก เราไม่ได้ขายหน้าร้านอย่างเดียวแต่ให้เซลส์ออกไปขายตามต่างจังหวัดด้วย ผมเองก็เป็นเซลส์คนหนึ่งของร้าน” ท่านวัลลภเล่าถึงการทำงานในยุคบุกเบิกของบริษัทเจียไต๋

เป็นเซลส์เดินสายไปทั่วประเทศ
ท่านวัลลภยังพูดถึงความยากลำบากในการรับหน้าที่เซลส์ที่ช่วยกระจายสินค้าให้เจียไต๋ในสมัยนั้นให้ฟังว่า ช่วงแรกท่านต้องอาศัยเรียนรู้งานจากหลงจู๊ จากการที่ออกตลาดในต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็ทำให้ท่านก็ได้สั่งสมประสบการณ์และเห็นช่องทางในการขยายตลาดมากยิ่งขึ้น

“ตอนนั้นผมอายุประมาณ 25-26 ได้ ก็เดินสายไปทั่วประเทศเลย แรกๆ มาใหม่ๆ เรายังไม่เป็นก็ไปกับหลงจู๊ก่อน เริ่มจากไปเช้าเย็นกลับก่อน ตั้งแต่นครปฐม บ้านโป่งกาญจนบุรี เพชรบุรี ซึ่งหลงจู๊นี่เขาเก่งมากทั้งเช็คออร์เดอร์ เก็บเงิน เขาไม่ได้จดเลยนะไม่รู้จำได้ยังไง พอหลงจู๊ป่วยเป็นมะเร็งผมก็มาทำหน้าที่แทน ต้องพยายามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด ทำให้เราไม่รู้แม้กระทั่งว่าเมล็ดพันธุ์ผักแต่ละชนิดหน้าตาเป็นยังไง ตอนนั้นเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลย ผมก็เปลี่ยนระบบบริหารจัดการใหม่หมด แบ่งเซลส์ออกตามชนิดของผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่เซลส์แต่ละคนดูสินค้าหมดทุกตัว แล้วก็แบ่งตามภูมิภาคสายเหนือ สายใต้ แยกกันรับผิดชอบ ตัวแทนจำหน่ายก็แยกตามชนิดสินค้าเหมือนกันขายปุ๋ยก็เจ้าหนึ่ง ขายเมล็ดพันธุ์ผักก็เจ้าหนึ่ง ปรากฏว่าภายใน 5 ปีผมสามารถขยายเอเยนต์ได้ถึง 500-600 ราย“

“ช่วงนั้นผมต้องออกต่างจังหวัดครั้งละ 20 กว่าวัน สายเหนือ 25 วัน สายใต้ 25 วัน ก็ไปคนเดียวเลยนะ ไม่มีลูกน้องอะไรกับเขาหรอก ช่วงแรกบริษัทยังไม่มีรถ ก็ต้องเดินทางด้วยรถโดยสารบ้าง ลงเรือไปบ้าง จังหวัดไหนมีรถสามล้อเข้าไปถึงตัวเมืองเราก็นั่งสามล้อไป “

“โอย…ลำบากมาก แล้วสมัยนั้นรถมันมีน้อย เขาก็นั่งกันบนตะแกรงวางของบนหลังคาบ้าง นั่งตามทางเดินบ้าง แล้วก็เคี้ยวหมาก บ้วนน้ำหมากกันเต็มไปหมด กลับมาถึงกรุงเทพฯก็ต้องมาทำงบการเงิน แล้วก็วางแผนออกตลาดครั้งต่อไป ก็ต้องส่งโปสต์การ์ดไปบอกร้านค้าก่อนว่าเราจะไปถึงจังหวัดเขาเมื่อไร ทำเองหมด ตอนหลังบริษัทเขาก็ถอยรถให้ ก็ดีขึ้นหน่อย สมัยนั้น 2 ข้างทางมันไม่ค่อยมีอะไรขาย ผมก็แขวนกล้วยไว้หน้ารถหวีหนึ่ง หิวก็เด็ดออกมากิน”

ผลพวงของความมุ่งมั่น
หลังจากได้รับมอบหมายให้เป็นหลงจู๊ซึ่งดูแลกิจการหลายด้านของเจียไต๋ ท่านวัลลภก็ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะความสามารถด้านการตลาดซึ่งต่างก็เป็นที่ยอมรับของทุกคนในบริษัท ท่านมุ่งมั่นในการทำงานโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคทางธุรกิจ จนเจียไต๋เติบโตเป็นบริษัทขายเมล็ดพันธุ์ฯลฯที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศไทย เป็นบริษัทที่มั่นคงและเป็นฐานกำลังสำคัญที่ทำให้ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจอื่น ๆ และเติบใหญ่เป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่มีการลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ

“ต้องยอมรับกว่าจะประสบความสำเร็จเนี่ยผมต้องใช้ความอดทนมาก อดทนต่อความยากลำบาก อดทนต่อกับคำสบประมาท ช่วงที่ผมเริ่มเข้ามารับหน้าที่หลงจู๊ใหม่ๆ พ่อค้าขายเมล็ดพันธุ์แถวปากคลองตลาดเขาก็หัวเราะเยาะ บอกว่าเจียไต๋นี่เจ๊งแน่ เอาอาตี๋ไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้ามาบริหาร บริษัทอื่นเขาใช้เซลส์แค่ 3-4 คน แต่ไอ้ตี๋นี่ใช้เซลส์ตั้ง 20-30 คน ผมก็ฮึดสู้ จากนั้น 3-4 ปีพวกนี้เขาก็เริ่มรู้สึกเพราะเราแย่งชิงตลาดไปได้เยอะ เราขยายตลาดไปถึงอำเภอเล็กอำเภอน้อยทั่วไปหมด เรียกว่าช่วงนั้นเจียไต๋เราโตเร็วมากตอนหลังในวงการเขาก็ให้การยอมรับว่าผมเป็นพ่อค้าที่มีฝีมือคนหนึ่ง พอมีการตั้งสมาคมผู้ค้าปุ๋ย ยา และเมล็ดพันธุ์ผัก เขาก็มาเชิญให้ผมไปเป็นนายกสมาคม ก็เป็นนายกฯอยู่เป็น 10 ปีเหมือนกัน “ ท่านวัลลภย้อนถึงเรื่องราวในอดีตให้เรียนรู้

หลังจากที่เจียไต๋ประสบความสำเร็จและเป็นบริษัทที่มั่นคง จนกระทั่งปี 2528
ท่านวัลลภก็ได้เข้าไปช่วยบริหารกิจการธุรกิจอาหารสัตว์ เครือฯทั้งยังเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้เครือฯเติบโตและมีชื่อเสียงทั้งในวงการธุรกิจและเป็นที่ยอมรับจนถึงปัจจุบัน

“ผมก็ดูแลด้านการค้าเมล็ดพันธุ์ผักและปุ๋ยอยู่ประมาณ 20 ปีได้ ต่อมาก็ย้ายไปช่วยงานพี่ธนินท์ (ธนินท์ เจียรวนนท์) ดูแลด้านธุรกิจอาหารสัตว์บ้าง ไปช่วยเสี่ยใหญ่ (จรัญ เจียรวนนท์) สร้างโรงงานทอกระสอบที่ปากช่อง คือเป็นโรงงานที่หุ้นกับนักธุรกิจชาวไต้หวัน แล้วก็แยกมาทำโรงงานเองที่สีคิ้ว สินค้าที่ได้ก็ขายด้วย ป้อนโรงงานเราเองด้วย ผมย้ายสายงานไปหลายสาย จนกระทั่งป่วยเป็นไวรัสลงตับ ก็ไปรักษาตัวอยู่พักหนึ่ง พอหายกลับมาพี่ๆเขาไม่อยากให้ทำงานหนักก็เลยให้มาดูแลงานด้านพัฒนาสังคมจนถึงปัจจุบัน ก็มาจับเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์เพื่อนำไปแจกจ่ายเกษตรกรแล้วก็งานด้านการส่งเสริมการศึกษาของเด็กๆ” ท่านวัลลภ พูดถึงประสบการณ์การทำงานอันยาวนานหลายสิบปี

แต่ด้วยกุศลเจตนาที่ตั้งใจประกอบมานาน รวมทั้งความเป็นศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว เชียงใหม่ ท่านได้หายจากโรคอย่างมหัศจรรย์ ทำให้ท่านจึงตั้งปณิธานที่จะทำกิจกรรมหรือสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมทั้งในนามส่วนตัวและในนามของเครือฯ

ในเวลานั้นท่านจึงได้รับมอบหมายจากท่านประธนินท์ในการดูแล สนับสนุนโครงการหลวงฯ ดูแลงานพัฒนาอาชีพของเครือฯตามแนวพระราชดำริมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการปลูกป่า การสนับสนุนโครงการหลวง โครงการสร้างพระพิมพ์จิตรลดารวมทั้งโครงการบริจาคโลหิต รวมทั้งโครงการปัจจุบันอีกหลายโครงการ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในด้านการส่งเสริมสังคมของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยเป็นผู้นำในการดำเนินกิจกรรมสังคมด้านต่าง ๆ ของเครือฯ เช่นโครงการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือถวายเป็นพระราชกุศลฯ งานมหกรรมสัตว์เลี้ยงแห่งประเทศไทย ฯลฯ และยังมีตำแหน่งทางสังคมในองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 40 องค์กรอีกด้วย

ท่านวัลลภ ยังได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ในฐานะผู้สูงอายุดีเด่นกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยผู้สูงอายุดีเด่นจากทั่วประเทศ เพื่อยกย่อง เชิดชู สร้างขวัญกำลังใจ ให้แก่ผู้สูงอายุที่ปฏิบัติตนเป็นคนดี มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความเสียสละ บำเพ็ญประโยชน์แก่ชมรมผู้สูงอายุ สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ โรงพยาบาล โรงเรียน วัด ชุมชน มูลนิธิ องค์กรการกุศลอื่นๆ ตลอดจนสังคมและประเทศชาติ

ท่านวัลลภจึงเป็นอีกหนึ่งผู้บริหารระดับสูงของเครือซีพีที่ไม่เพียงด้านการดำเนินธุรกิจแต่ยังเป็นแบบอย่างการทำงานด้านสังคมและสาธารณกุศลกับอนุชนคนซีพี

วารสารบัวบาน พ.ค. 2539/MGR Online 12 ธ.ค. 2551