สถาบันผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กว่า5ปีของการสร้างผู้นำซีพี

แม้ว่าสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P.Leadership Institute : CPLI) จะเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 และแล้วเสร็จในปี 2559 กว่า5ปีที่ดูเวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่สถาบันผู้นำกลับทรงพลังและกลายเป็นสถานที่ขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ผู้นำให้กับซีพี โดยตัวอาคารสร้างอยู่บนพื้นที่ขนาด 145ไร่ หรือ 121,202ตารางเมตร แบ่งเป็นทั้ง 5 อาคาร ประกอบด้วย 1.อาคารฝึกอบรม ความสูง5 ชั้น ซึ่งมีห้องพักถึง 244 ห้อง ห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ที่จุคนได้ถึง 500 คน ห้องประชุมกลุ่มย่อยอีกหลายสิบห้อง ที่สามารถจุผู้เรียนได้ตั้งแต่ 10-500 คน ห้องอาหารขนาดใหญ่ และพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดทั้งการเรียนรู้และผ่อนคลาย พรั่งพร้อมด้วย Facilities ในการประชุมอย่างครบครัน 2.อาคารพักรับรองพิเศษ ความสูง 4 ชั้น 3อาคารกีฬาและกิจกรรมสันทนาการ ความสูง 2 ชั้น 4.อาคารต้อนรับ และ 5.อาคารสนับสนุน ซึ่งประกอบด้วยอาคารสาธารณูปโภคและอาคารรักษาความปลอดภัย

C.P.Leadership Institute ตั้งขึ้นเพื่อต้องการสร้าง “คน” ตามวิสัยทัศน์ ของท่านประธานอาวุโส ที่ต้องการให้ “คน” ของซีพีเป็นคนเก่ง คนดี มีความสามารถ และพร้อมที่นำองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและประสบความสาเร็จอย่างยั่งยืน เป็นที่มาของการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ “การสร้างคน” ที่ดีที่สุดขององค์กรชั้นนำระดับโลกอย่าง บริษัท จีอี, บริษัทซัมซุง และบริษัทโบอิ้ง

โดยประธานอาวุโสได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงไปเยี่ยมชมองค์กรชั้นนำเหล่านั้น เพื่อศึกษาและเรียนรู้วิธีการสร้างผู้นำ และนำกลับมาทดลองใช้กับเครือฯ ด้วยการจัดเวที “ผู้นำสอนผู้นำ” ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้นำจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง จึงเกิดการต่อยอดแนวความคิด ที่จะสร้าง “ศูนย์พัฒนาผู้นำ” พร้อมกับการพัฒนาหลักสูตรที่เป็นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อพัฒนาและสร้างผู้นำให้มีศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก ซึ่งส่งผลต่อความยั่งยืนของทั้งบริษัทและประเทศชาติ เครือเจริญโภคภัณฑ์ สรรหาผู้ที่เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริงในการสร้างหลักสูตรพัฒนาผู้นำระดับโลก และประสบความสาเร็จในการก่อตั้งศูนย์พัฒนาผู้นำมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเชิญ “ดร.โนเอล เอ็ม. ทิชี่” (Dr.Noel M. Tichy) อาจารย์จากสถาบัน Ross School of Business มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันผู้นำจีอี เข้ามาร่วมวางหลักสูตรเข้มข้นนี้กับผู้บริหาร ทั้งนี้ ดร.ทิชี่ ถือเป็นกูรูทางด้านภาวะผู้นำและการบริหารจัดการองค์กร มีผลงานเขียนหนังสือมากกว่า ๒๐ เล่ม เช่น The Cycle of Leadership : How Great Leaders Teach Their Companies to win (2004), The Leadership Engine (2007) ใต้วิธี Action Learning Program ที่นำมาใช้ในการพัฒนาผู้นำ

Action learning เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านการทำงานในสถานการณ์จริงและประเมินตนเองผ่านการทำงานนั้น ผู้เรียนจะพัฒนาความรู้และทักษะต่างๆ ผ่านการทำงานแทนการอ่านหนังสือแบบการเรียนการสอนแบบเดิม โดยสถาบันผู้นำ ได้ประยุกต์รูปแบบ Action Learning นี้เข้าในหลักสูตรการพัฒนาผู้นำแตกต่างกันไปในแต่ละระดับ

ทั้งนี้ หลักสูตรแรกที่จัดคือ C.P. Leadership Development Action Learning Program โดยผู้นำจากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำนวน ๔๐ คน จะได้คัดรับเลือกให้เข้าร่วมหลักสูตร ทำการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ๓ ครั้ง ผู้เข้าร่วมหลักสูตรถูกแบ่งเป็นทีม ๖ ทีม ทีมละ ๖-๗ คน สมาชิกในทีมต้องทำงานร่วมกันในโครงการที่ได้รับมอบหมาย ในขณะที่ต้องรับผิดชอบงานประจำของตนเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน วิธีการนี้ทำให้ผู้นำจากต่างธุรกิจในเครือฯ ได้ทำความรู้จักกัน และสอนให้ผู้นำเหล่านี้ได้สะท้อนและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานของตนและทีม ทั้งยังได้ประเมินศักยภาพ และทักษะการเป็นผู้นำ และแนวทางการพัฒนาตนให้เป็นผู้นำที่มีศักยภาพในการนำพาเครือฯ ไปสู่ความสำเร็จ ต่อมาได้มีการพัฒนาหลักสูตรเป็น เถ้าแก่น้อย เถ้าแก่เล็ก เถ้าแก่กลางและเถ้าแก่ใหญ่

นอกจากนี้ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อพัฒนาผู้นำในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ อันจะก่อประโยชน์เพื่อส่วนรวม ซึ่งเป็นไปตามหลักปรัชญา ๓ ประโยชน์ คือ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และธุรกิจ

ที่นี่เปิดสอนหลักสูตรมาแล้วมากมาย อาทิ Advanced Leadership Program (ALP) จำนวน ๕ รุ่น, Business Leader Program (BLP) จำนวน ๑๔ รุ่น, New Leader Program (NLP) จำนวน ๒๕ รุ่น และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ละคลาสใช้ระยะเวลาที่ต่างกันตั้งแต่ ๔ วัน จนถึง ๖ เดือน ซึ่งบุคคลที่จะเข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้ ต้องเป็นพนักงานในเครือซีพีทั้งในและต่างประเทศเท่านั้น ส่วนจบแล้วก็จะนำความรู้ความสามารถไปพัฒนาองค์กรในเครือซีพีทั้งในและต่างประเทศต่อไป จุดเด่นของสถาบันแห่งนี้คือการพัฒนาหลักสูตรที่เป็นของเครือฯ เอง เพื่อพัฒนาและสร้างผู้นำให้มีศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก ซึ่งส่งผลต่อความยั่งยืนของทั้งบริษัทและประเทศชาติ

Cr:cpgroupglobal/ koratdaily/ leadership.cpthailand